วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เป็นบัณฑิต ต้องคิดไกล

และแล้วก็หนี่ไม่พ้น กฏ 7 วัน พอกลับเชียงรายก็ไม่ค่อยได้มีเวลาเขียนเลย วันนี้ถือเป็นวันดีเนื่องจากพรุ่งนี้จะเป็นวันพระราชทานปริญญาบัตร ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ที่เชียงราย เลยถึงโอกาสกลับมาเขียนอีกรอบ เพื่อเสนอแง่คิดให้กับ ศิษย์รักทุกท่าน ที่ผ่านมาอ่าน

หลังจากผ่านความลำบากยากเข็นของชีวิตปริญาตรี สุข ทุก เศร้า เคร้าน้ำตา ดราม่าบ้าง เฮฮาบ้างตามประสา (ทำงานส่งข้ามคืน, ปั่นโปรเจ็คก่อน present ฯลฯ) ตอนนี้หลายๆคนกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุข ร่วมกับเพื่อนๆ พี่ๆ และครอบครัว ที่มาร่วมแสดงความยินดีครั้งหนึ่งในชีวิต ผมเองในฐานะอาจารย์ที่คอยเฝ้ามองดูพัฒนาการของพวกเราตลอดมาก็พลอยชื่นใจไปด้วย เลยอยากจะฝากข้อคิดและแง่คิดไว้ให้บัณฑิตใหม่ทุกท่านด้วยละกันนะ

สำหรับคนที่ทำงานแล้ว เลือกเดินในสายอาชีพ
ส่วนใหญ่การรับปริญญาจะทำหลังจากจบแล้วประมาณ 1 ปี หลายๆคนคงทำงานกันเป็นหลักแหล่งแล้ว บางคนอาจจะเปลี่ยนที่ทำงานไปหลายที่แล้วก็ได้ สิ่งที่อยากจะบอกคือ "ทำงานครั้งแรกของคุณให้ดีที่สุด แล้วมันจะเป็นใบเบิกทางที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ"  หลายคนมองงานที่แรกเป็นทางผ่าน ทดลอง ไม่ใช่ก็เปลี่ยน ... แต่นั่นจะเป็นบททดสอบทั้งในด้าน ความอดทน ความสามารถในการปรับตัว ความสามารถในการเรียนรู้ และการเข้าสังคมคนทำงาน ... ซึ่งไม่มีสอนในห้องเรียน ดังนั้นทำมันให้ดีที่สุด แล้วการสมัครงานที่ใหม่ของคุณจะไม่ต้องใช้ใบ Transcript อีกเลย

สำหรับคนที่เลือกการเรียนต่อ (เป็นอาชีพ)
คงมีหลายเหตุผลที่หลายๆ คนเลือกเรียนต่อในระดับปริญญาโท สิ่งที่อยากจะบอกคือ "อย่าเรียนอย่างเดียว ให้หาความรู้และประสบการณ์ควบคู่ไปด้วย" เพราะไม่ว่าจบมาแล้วคุณจะเลือกทำงาน หรือไปเป็นอาจารย์ หรือประกอบกิจการส่วนตัว ... เราไม่สามารถใช้แค่สิ่งที่เรียนมาใช้ในการทำงานได้ ... หากเป็นไปได้และไม่เหนื่อยจนเกินไป ให้ลองพยายามหาอย่างอื่นทำไปด้วย เช่นการรับ Job ที่เกี่ยวกับสาขาที่เราเรียน การเข้าไปช่วยงาน Advisor (อาจจะในฐานะผู้ช่วยวิจัย หรือทำงาน project) สิ่งเหล่านี้จะเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ให้กับเราเป็นอย่างดี

อย่าลืม.. งาน กับ การเรียน ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
ยังมีสิ่งสำคัญอีกมากมาย ที่เราต้องคิดถึงและให้ความสำคัญ ความรัก ครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ผู้มีพระคุณ รวมไปถึงการวางแผนระยะยาวให้กับชีวิต อย่าบ้างาน และบ้าเรียน จนลืมสิ่งเหล่านี้ เพราะถ้าคุณลืมพวกเค้า ... พวกเค้าก็ลืมคุณได้เหมือนกัน ... และสุดท้ายสิ่งที่ทำไปทั้งหมด ผลอาจจะเป็นแค่ความว่างเปล่าก็ได้

ใช้เงินอย่างรู้ค้า รู้จักการเก็บออม และการลงทุน
ผมเจอมาหลายคน ทำงานเป็น 10 ปี ถามดูอีกที มีแต่บ้าน รถ ลูกน้อย และหนี้สินกองโต (จากสิ่งที่ซื้อๆ มา)  บางคนยังต้องกลับไปรบกวนพ่อแม่อยู่เลย บางคนมีหน้าที่การงานที่ดี ได้เงินเดือนเยอะมากถ้าเที่ยบกับคนอื่น แต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต (ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถเก็บเงินได้เกิน 30% ของรายได้ ถ้าตั้งใจจะทำ)... ดังนั้น ผมแนะนำให้เริ่มศึกษา การวางแผนชีวิต และการลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ จะได้ไม่เดือดร้อนครอบครัวในวันข้างหน้า .. เลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณ การเก็บออม การซื้อกองทุน การซื้อหุ้น VI การลงทุนเปิดกิจการ การร่วมทุน การซื้ออสังหาแล้วปล่อยเช่า ... ลองศึกษาให้ดึแล้วคุณจะพบช่องทางที่เหมาะกับคุณเอง ถ้าใครวางแผนเกษียณจากงานที่ต้องทำให้คนอื่น มาทำงานที่เราคิดเองทำเองแล้วละก็ ต้องยิ่งรีบคิดให้หนัก อย่าปล่อยเวลาให้ศูนย์เปล่า เพราะการศึกษาเรื่องการลงทุน คือการลงทุนชนิดหนึ่ง

ชีวิตเท่านั้น สำคัญที่สุด
ถ้าคุณอยากมีชีวิตยาวๆ ควรใส่ใจเรื่องสุขภาพให้มาก หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์  ทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ไว้เผื่อยามฉุกเฉินจะได้ไม่เดือดร้อนมาก อย่าโหมงานจนเกินควร ใช้ชีวิตให้สมดุลย์ กินบ้าง เที่ยวบ้าง ตามสมควร แล้วชีวิตจะยืนยาว

มีเหลือ ให้เผื่อแผ่
เมื่อคุณมีเหลือแล้ว ให้รู้จักเผื่อแผ่คนอื่นบ้าง แม้สิ่งที่ได้รับกลับมาจะไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทอง แต่มันก็เป็นความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นที่เค้ายังไม่ได้โอกาสเหมือนเรา ... มีเงินเหลือ ก็ให้รู้จักแบ่งปัน ลองดูพวกการบริจาคทุนการศึกษา ให้กับน้องๆ ที่เค้าไม่มีโอกาส ... มีความรู้เหลือ ก็ให้รู้จักเผยแพร่ ความรู้เป็นสิ่งพิเศษ ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ เราจะได้รับมุมมองและแง่คิดใหม่ๆ เสมอเมือเราสอน หรือให้ความรู้ ... พวกพี่ๆ ทีจบไป ทำงานแล้ว อาจจะรวมตัวกันกลับมาให้ความรู้กับน้องๆ เพื่อที่จะได้เดินถูกทาง และสร้างโอกาส

...
ผมรู้สึกดีใจ และภูมิใจ กับทุกคนที่สามารถฟันฝ่า มาจนถึงจุดนี้ได้ ขอให้ช่วงเวลาต่อจากนี้ เป็นช่วงเวลาแห่งโอกาส และการแสวงหา ให้ได้พบกับคนดีๆ สิ่งดีๆ และเจริญยิ่งด้วย สติ ปัญญา และการกระทำครับ

Aj.Bee