วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ข้อคิดของการใช้เวลา

หลายครั้งที่ผมกลับมานึกทบทวนการใช้เวลาในแต่ละวัน ทำให้ได้คิดว่า สำหรับคนไอที เวลาส่วนใหญ่ของเราหายไปไหนกันบ้าง และทำอย่างไรจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่และภาระหลายอย่าง ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องเรียน ทำงาน และดูแลครอบครัว ถ้าอยากมีชีวิตที่มีความสุข และพอเพียงต้องทำอย่างไร ลองมาช่วยวิเคราะห์กันดูนะครับ เผื่อจะได้อะไรดีๆ และนำไปปรับใช้ ผมขอแยกตามแต่ละหน้าที่ที่ทุกคนที่อายุตั้้งแต่ 18ปี ขึ้นไปพึงมี

เวลากับ เรื่องส่วนตัว
    ตัวนี้นับรวมหมด คือเวลาที่เราให้กับตัวเองตั้งแต่ การกิน การนอน การออกกำลัง งานอดิเรก คนไอทีส่วนใหญ่จะใช้เวลาพวกนี้ไม่ค่อยสมดุลย์ คือ กินไม่เป็นเวลา หรือกินอาหารโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์หรือโทษที่จะได้รับ  นอนน้อย ใช้เวลาไปกับเรื่องสัพเพเหระบนหน้าจอ  ออกกำลังน้อยหรือเห่อเป็นช่วงๆ ตามเพื่อนๆที่ office หรือคนรอบข้าง งานอดิเรกส่วนใหญ่ก็จะเป็นการเล่นเกมส์ ดูหนังฟังเพลง รวมถึงการเล่นเกมส์บนมือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งอาจจะนำมาด้วยปัญหาทางสายตาและโรคปวดล๊อกอื่นๆ
   ทางแก้ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณกิน เพราะสิ่งที่คุณกิน คือสิ่งที่จะบ่งบอกตัวคุณ แล้วสุขภาพทีดีจะตามมาเอง ...นอนให้เพียงพอ คำว่าเพียงพอของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากันบางคนแค่ 4 ชม. ก็พอ บางคนต้องการถึง 8 ชม. แต่พยายามให้อยู่ในช่วง 22.00 - 06.00 เนื่องจากเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ...การออกกำลัง ถ้ามีเวลาไม่เยอะก็ทำที่บ้านได้ ยึดพื้น ทำงานบ้าน เล่นกับเด็กๆ ออกกำลังกับกลุ่มเพื่อน และควรมีความสม่ำเสมอ ... งานอดิเรก ควรเป็นงานที่สร้างสรรค์ และเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ ไม่ใช่หมกมุ่น ไม่ได้ตามกระแส บางครั้งอาชีพใหม่ๆ เกิดจากมุมมองของงานอดิเรกนี่เอง ได้ทำสิ่งที่ชอบด้วย ได้เงินด้วย อะไรจะสุขเท่านี้อีก

เวลากับ เรื่องเรียน
    ในวัยนักเรียน หรือนักศึกษา บางคนไม่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ แล้วก็มาตัดพ้อตอนใกล้ๆ จบ กับตอนที่เริ่มหางานทำ ว่าทำไมงานมันหายากจัง ...หลายคนคิดว่าการเรียนคือการนั่งเรียนอยู่ในห้อง นั่งฟังครู หรืออาจารย์สอน (อย่างทรมาน มองนาฬิกาตลอดเมื่อไหรจะหมดคาบ) หารู้ไม่ว่าการเรียนรู้ สามารถทำได้ทุกที่ สิ่งที่เราพบเห็น สิ่งที่สัมผัส การได้พบปะพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์ การได้เดินทางดูงาน สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทั้งสิ้น ส่ิ่งที่เรารู้จะเป็นตัวกำหนดชีวิตและวิธีคิดของเรา รวมถึงอนาคต การงาน และอีกหลายๆอย่าง ดังนั้นควรใช้เวลาเรียนอย่างฉลาดกันนะครับ


เวลากับ การทำงาน
   เค้าว่า งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข คงไม่เกินจริง แต่หลายคนหลงทางไปก็มีเยอะ ไม่เป็นพวกที่ทำงานแบบขอไปทีให้มันพ้นไปวันๆ ยังไงเค้าก็ไม่ไล่ออก อย่างนี้ก็หาความเจริญยาก ...อีกพวกก็สุดขั้ว ทำงานหามรุ่งหามค่ำ จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว และการดูแลสุขภาพ สุดท้ายก็มาเสียใจกับช่วงชีวิตที่ขาดหายไป รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นอนอยู่โรงพยาบาล โดยมีคนที่รักคุณคอยดูแลอยู่ข้างๆ ... ส่งที่ผมจะบอกคือถึงแม้การทำงานหนัก ไม่เคยทำให้ใครตาย แต่ก็ควรอยู่บนความพอดี แบ่งเวลาให้เหมาะสม รู้จักการจัดลำดับความสำคัญ ความหนักเบาของปัญหา รวมถึงการรู้จักถ่ายทอดและกระจายงานให้กับคนที่เค้าสามารถจะช่วยเราได้ เชื่อผมเถอะ เงินและตำแหน่งหน้าที่ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการที่สุดในชีวิตหรอก

เวลากับ ครอบครัว
   มนุษย์เป็นสัตว์สังคม และครอบครัวถือเป็นสังคมที่เล็กที่สุด และใกล้ชิดที่สุดสำหรับเราๆ เพราะไม่มีใครที่จะห่วงใย และคอยดูแลเรา ได้มากเท่าครอบครัวแล้ว สำหรับคนที่อยู่กับพ่อแม่ ในแต่ละวันคุณพูดกับท่านวันละกี่คำ รู้รึเปล่าว่าท่านชอบทานอะไร ชอบดูละครเรื่องไหน หรืออยากได้อะไรในวาระพิเศษ ...คนที่มีครอบครัวและลูกๆ ยิ่งควรให้เวลากับครอบครัวให้มากเพราะการที่เด็กจะเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ต้องมาจากการดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอ ไม่ใช่แค่การยัดเยียดเทคโนโลยี การ์ตูน ทีวี ให้ดูแล้วไปทำอย่างอื่น อย่างนี้เค้าไม่เรียกว่าเป็นการดูแล แต่เป็นการผลักภาระให้พ้นตัว เด็กๆจะซึมซับสิ่งที่เค้ารับรู้ในวัยเด็กได้ดีมาก ดังนั้นพึงระวังถ้าปล่อยให้เด็กอยู่กับสิ่งเหล่านั้นมากเกินไป กว่าที่เราจะรู้ว่าพวกเค้าเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดไหน อาจจะสายเกินแก้ก็ได้ การกอด การพูดคุย แม้กระทั่งการสอนการบ้าน การทำงานอดิเรกร่วมกันทั้งครอบครัว การไปทานข้าวนอกบ้าน ปิคนิค ทำสวน พยายามสร้างประสบการณ์ดีๆ ให้เค้าได้จดจำ นั่งดูทีวีและแนะนำรายการดีๆให้เค้าดู แล้วคุณจะพบว่าการสร้างครอบครัวที่มีความสุขนั้น ไม่ยากเกิน

เวลากับ เพื่อนๆ และสังคม
   เพื่อนสนิทคุณมีกี่คน คนที่จะพูดคุยแบบเปิดใจกันได้ คนที่ใช้ภาษาบรรพบุรุษ คุยกันได้ ...เพื่อนไม่จำเป็นต้องมีเยอะ แต่ขอให้มีเพื่อนสนิทไว้บ้าง การเข้าสังคมก็เป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะเป็นประตูให้เราไปพบกับเพื่อนใหม่ๆ ความรู้ใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ หลายครั้งที่ผมได้งาน ได้โอกาสดีๆ จากการเข้าสังคม ทำกิจกรรมใหม่ๆ ทำให้วงกลมของเราขยายขึ้น และมีโครงข่ายที่แข็งแรงซึ่งเป็นรากฐานที่ดีในอนาคต ถ้าคุณต้องการจะประกอบธุรกิจต่างๆ


คำว่าพอดี และพอเพียง ยังคงใช้ได้เสมอ ผมไม่ขอกำหนดเป็นตัวเลขว่าควรจะใช้เวลากับส่วนไหนกี่ชั่วโมงต่อวัน เพราะแต่ละคนจะให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่คุณเลือก แต่สุดท้ายต้องอยู่บนความพอดี

ใช้เวลาอย่ารู้ค่า พาชีวีเป็นสุขครับ
Aj.Bee


2 ความคิดเห็น:

  1. เวลากับ เรื่องส่วนตัว << หัวข้อใกล้ตัวที่โดนเต็มๆเลยครับ ฮา

    ตอบลบ